อีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญที่มีผลต่อโอกาสความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว ก็คือการลงทุนนเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
กุญแจสำคัญในปัจจัยนี้ไม่ใช่เพียงแค่ “ความล้ำหน้า” “ความล้ำสมัย” หรือ “ความล่าสุด” เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพและความเหมาะสมกับเคสการรักษาสำหรับคุณเอง คลินิก IVF หลายแห่งมักโปรโมตว่าเทคโนโลยีของพวกเขามีความล้ำสมัย แต่สิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจไม่แพ้ไปจากการทำงานและประสิทธิภาพหลักของอุปกรณ์หรือเทคโนโลยี ก็คือคุณภาพและความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมอุปกรณ์
ที่ Superior A.R.T. เรามีห้องปฏิบัติการเลี้ยงตัวอ่อน อสุจิและพันธุศาสตร์ของเราเอง ดำเนินการด้วยมาตรฐานสากลสูงสุดในการควบคุมคุณภาพ เราเลือกใช้ Geri-Time-Lapse Incubator ในกระบวนการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ซึ่งเป็นตู้เลี้ยงตัวอ่อนรุ่นใหม่ล่าสุด เป็นระบบแยกเลี้ยงที่ติดตั้งกล้องจุลทรรศน์คุณภาพสูงไว้แต่ละห้องเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามพัฒนาการของตัวอ่อนได้อย่างละเอียดโดยไม่ต้องขยับจานเพาะเลี้ยงหรือตัวอ่อน โดยแต่ละห้องเพาะเลี้ยงจะได้รับการดูแล ควบคุมและตรวจสอบได้อย่างเป็นอิสระจากกัน โดยสามารถควบคุมและปรับสภาพแวดล้อมของแต่ละห้องให้เหมาะกับตัวอ่อนแต่ละตัวได้
ด้วยคุณสมบัติข้างต้น ตัวอ่อนสามารถเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีกว่าในสภาวะที่มีความเสถียรและปราศจากการรบกวน ช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อให้ตัวอ่อนสามารถเติบโตจนถึงระยะบลาสโตซิสต์ หรือระยะที่พร้อมต่อการย้ายกลับไปยังโพรงมดลูก
นอกเหนือจากการตรวจโครโมโซมตัวอ่อน ก่อนย้ายกลับมดลูก ที่ Superior A.R.T. ยังมีบริการ Karyomapping ซึ่งเป็นเทคนิคล่าสุดในการตรวจคัดกรองพันธุกรรมในระดับยีนเดี่ยวของตัวอ่อนในครอบครัวที่มีประวัติโรคพันธุกรรมในครอบครัว เพื่อเลือกตัวอ่อนที่ปราศจากโรคทางพันธุกรรมก่อนการฝังตัว และยังมีบริการการตรวจความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ หรือ HLA Matching สำหรับครอบครัวที่ต้องมีการปลูกถ่ายไขกระดูก เพื่อรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง การใช้เทคนิค Karyomapping นั้น มีความแม่นยำสูง มีความน่าเชื่อถือมากกว่า 95% และสามารถร่นระยะเวลาของการตรวจคัดกรองให้เหลือเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจากการทดสอบด้วย PGT-M อื่นที่มักจะใช้เวลาเป็นเดือน ๆ กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ
Comments