ตัดวัสดุ : การตัดวัสดุเป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่ใช้บ่อยที่สุดในกระบวนการ Laser Cutting ด้วยความสามารถในการตัดวัสดุหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโลหะแข็ง เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และสเตนเลส อีกทั้งยังรองรับการตัดได้ทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
เจาะรู : หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของเครื่อง Laser Cutting คือการเจาะรูได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดภาระให้กับผู้ปฏิบัติงานในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังสามารถกำหนดขนาดและรูปทรงของรูได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรูกลม รูเหลี่ยม หรือรูปแบบอื่น ๆ ตามความต้องการ
ทำเครื่องหมาย : Laser Cutting ไม่ได้จำกัดแค่การตัดหรือเจาะรูเพื่อขึ้นรูปชิ้นงานเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ในการทำเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ลงบนวัตถุได้อีกด้วย เครื่องหมายที่พบได้บ่อยจากการใช้เลเซอร์ ได้แก่ โลโก้บริษัท วันที่ผลิต ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และหมายเลขซีเรียล เป็นต้น
3 ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ในการตัดโลหะ
สำหรับการตัดโลหะ เช่น เหล็ก หรือวัสดุที่มีความแข็งสูง และต้องการความแม่นยำเป็นพิเศษ จึงมีการพัฒนา Laser Cutting ให้เหมาะกับงานตัดประเภทนี้โดยเฉพาะ การตัดเลเซอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
Carbon Dioxide (CO₂) Lasers : คือเครื่องตัดที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวกลางในการตัดโลหะ ซึ่งจุดเด่นของเทคโนโลยีนี้อยู่ที่ขนาดของลำแสงที่กว้าง และความเข้มข้นสูงในการตัด แต่จะมีการลดทอนความแม่นยำเพื่อชดเชยกับคุณสมบัติอื่น ๆ ของเครื่องมือ
Fiber Lasers : Fiber Lasers คือประเภทของเลเซอร์ที่ถูกใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำที่สูง ลำแสงที่มีขนาดแคบลง ให้ความเข้มข้นกว่า CO₂ Cutting ถึง 4 เท่า ต้นทุนของเครื่องตัดแบบนี้ก็จะต่ำกว่า แต่ก็จะเหมาะกับงานตัดโลหะที่มีความบางกว่าประเภทก่อนหน้านั่นเอง
NdLasers : เลเซอร์ประเภทสุดท้ายอย่าง NdLasers NdLasers เป็นเลเซอร์ที่เหมาะสำหรับงานตัดโลหะที่มีความหนามากเป็นพิเศษ โดยใช้สาร ‘นีโอดิเมียม (Neodymium)’ ในการกระจายแสงอินฟราเรดของเลเซอร์ ทำให้สามารถปล่อยพลังงานสูงเพื่อตัดโลหะที่หนากว่าปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังรองรับงานเจาะเหล็กที่ต้องการความแม่นยำสูงอีกด้วย
Comments