Cayenne เจนเนอเรชั่นแรกเกิดมาด้วยแนวคิด “Porsche ที่คุณสามารถขับไปได้ทุกที่” Wendelin วางแผนการของเขาอย่างแยบยล โดยนำโครงการนี้หอบใส่กระเป๋าไปคุยกับ Ferdinand Piech ซึ่งเป็นคนในตระกูล Porsche เป็นผู้บริหารใหญ่ของ Volkswagen Group และมีหุ้นอยู่ใน Porsche (ซับซ้อนวุ้ย) และเจรจาว่า “เอางี้ครับท่าน ผมอยากสร้าง SUV และผมรู้ว่า VW ก็ยังไม่มี SUV full size ดีๆขาย ผมเสนอว่าเรามาพัฒนารถรุ่นใหม่ร่วมกัน ท่านช่วยเรื่องเงิน ส่วนผมจะสร้างแพลทฟอร์มรถใหม่ให้”
VW Group เป็นบริษัทที่มีเงินมากอยู่แล้ว ดังนั้นในปี 1998 จึงมีการเซ็นสัญญาพัฒนาร่วมกัน การมีนายหัวใหญ่ช่วยลงขันทำให้ Porsche ประหยัดงบลงทุนไปได้ 33% ของที่ควรจะเป็นแต่แรก และอาจประหยัดได้มากกว่านี้ถ้า Wendelin ไม่มองช็อตไกล “VW จะประกอบ Touareg ของพวกเขาที่โรงงานในสโลวาเกีย แต่เราเป็น Porsche นะ ถ้าจะทำให้ลูกค้าประทับใจ เราต้องประกอบในเยอรมนีเท่านั้น” ว่าแล้วก็ลงทุน 124 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างโรงงานที่ Leipzig เพื่อให้สามารถพูดได้เต็มปากว่า “Made in Germany” ซึ่งแน่นอนว่าโรงงานที่ Leipzig ถูกสร้างและจัดการโดยระบบบริหารแบบญี่ปุ่นอันมีประสิทธิภาพ ซื้อ porsche cayenne
Cayenne สร้างกระแสทั้งในแง่บวกและแง่ลบ มันเป็น SUV ที่สื่อมวลชนยอมรับว่า “มันไม่ใช่รถสปอร์ต แต่นี่คือ SUV ที่บังคับควบคุมเหมือนรถสปอร์ตที่สุดแล้ว” สงครามแรงม้าบนรถ SUV เริ่มต้นที่ Cayenne Turbo ซึ่งใช้เครื่องยนต์ V8 4.5 ลิตรทวินเทอร์โบ (เป็น V8 บล็อคแรกของ Porsche นับตั้งแต่ 928 เลิกผลิตไป) ที่สร้างพลังได้ถึง 450 แรงม้าในยุคที่คู่แข่งอย่าง ML55AMG ยังมี 367 แรงม้า เมื่อ Mercedes-Benz คิดหือสู้โดยการเปิดตัวรถเจนเนอเรชั่นใหม่ และมีรุ่น ML63 V8 6.2 ลิตร 510 แรงม้าออกมา Porsche ก็สวนหมัดกลับด้วย Cayenne Turbo S 520 แรงม้า ได้ฉายา “World’s fastest SUV” ไปครองอีกครั้ง
แต่เมื่อพูดถึงความสวยงาม ไม่ค่อยมีใครอยากชม Cayenne แบบเต็มปากสักเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับ SUV เยอรมันยุคแรกๆที่ยังจัดสัดส่วนของรถออกมาตลกมากว่าน่าเกรงขาม ไม่ว่าจะเป็น ML-Class หรือ X5 ก็มีปัญหาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น เบาะนั่งแถวหลังก็มีที่วางขาน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวที่ใหญ่โตคับถนน ซ้ำร้ายยังมีปัญหากับน้ำหนักตัวซึ่งปาเข้าไปถึง 2,355 กิโลกรัม ทำให้แทนที่จะคล่องแคล่วดุจแพะภูเขา Cayenne จึงมีบุคลิกเหมือนช้าง แต่แค่เป็นช้างที่วิ่งไล่กวดเสือโคร่งได้เท่านั้น
การอัปเดตในปี 2007 ก็ช่วยได้เล็กน้อย โดยการเปลี่ยนไฟหน้าให้มีเส้นยืดออกมา หน้าเรียวขึ้น ปรับปรุงแอโร่ไดนามิกส์ของรถจนค่า Cd ลดจาก 0.39 เหลือ 0.35 เปลี่ยนเครื่องยนต์รุ่นล่างจาก 3.2 เป็น 3.6 ลิตร เพิ่มความจุเครื่องยนต์ V8 จาก 4.5 เป็น 4.8 ลิตร แต่ก็ยังไม่ได้แก้ปัญหาหลักของรถเรื่องหน้าตาที่ดูเหมือนอึ่งอ่างดุๆ
อย่างไรก็ตาม Cayenne ก็สร้างยอดขายได้เกินคาด ยอดขายแค่ 4 ปีแรกก็ชนะยอดขายสะสม 5 ปีของ 911 ไปเกือบ 50,000 คัน และตั้งแต่ปี 2002-2010 Porsche ขาย Cayenne ไปทั้งหมด 276,000 คัน พร้อมทั้งช่วยในการเปิด Porsche เข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีคนรวยเยอะ แต่ถนนในประเทศไม่ดี (เช่นรัสเซีย ยูเครน และอเมริกาใต้) จากเดิมมีขายแค่ใน 40 ประเทศ ในปี 2008 Porsche ขยายตลาดไปจนเกิน 100 ประเทศได้ตามที่หวัง
Comments