1. ซื้อตัวใหม่ VS. เปลี่ยนตัวเก่า
หนึ่งในปัญหายอดฮิตที่เรามักเห็นกันตามกระทู้เว็บบอร์ดหรือแฟนเพจเกี่ยวกับบ้าน คือ คุณควรซื้อโถสุขภัณฑ์ตัวใหม่เลย หรือใช้ตัวเดิมแต่เปลี่ยนแค่อุปกรณ์บางจุดที่เสื่อมสภาพ? ใจหนึ่งเชื่อว่าหลายคนก็อยากเปลี่ยนทั้งหมดเพื่อความสบายใจ แต่อีกใจกลับกังวลถึงเรื่องค่าใช้จ่ายและความยากง่ายในการเปลี่ยนชักโครก
กรณีที่ชักโครกตัวเดิมของคุณยังดูดีและใช้งานได้อยู่ แต่มีปัญหาแค่ที่ระบบลูกลอยหรือถังชักโครก ถ้าคุณสามารถหาอะไหล่ที่ตรงตามรุ่นและขนาดของชักโครก ก็สามารถเปลี่ยนอุปกรณ์แค่บางจุดได้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
แต่หากใครต้องการเปลี่ยนใหม่ทั้งตัวก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพียงแต่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่น ๆ เช่นระยะห่างระหว่างผนังถึงกึ่งกลางท่อน้ำทิ้งที่เหมาะสมคือ 30 - 30.5 เซนติเมตร
จะให้สายท่อน้ำดีต่อเข้าถังพักอยู่ด้านในหรือนอกผนัง หากอยู่ด้านนอกจะติดตั้งและซ่อมบำรุงสะดวกแต่ส่งผลเรื่องความเรียบร้อยสวยงาม
จะซื้อเป็นชักโครกชิ้นเดียวหรือสองชิ้น ชักโครกชิ้นเดียวนั้นหม้อเก็บน้ำกับโถจะถูกหล่อเป็นชิ้นเดียวกัน ทำความสะอาดง่ายและทั่วถึงกว่า แต่หากเสียหายจะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชิ้น ส่วนชักโครกแบบสองชิ้นนั้นอาจมีปัญหาในเรื่องการทำความสะอาดที่อาจไม่ทั่วถึง แต่หากเกิดการรั่วซึมก็จะสามารถซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแค่อุปกรณ์บางชิ้นได้
2. ดีไซน์
เปลี่ยนโถส้วมทั้งที อยากได้ดีไซน์เดิมหรือดีไซน์ใหม่? สมัยนี้ โถสุขภัณฑ์เป็นมากกว่าเครื่องใช้ เพราะมีดีไซน์หลายแบบออกมาวางขายช่วยเสริมความสวยงามให้กับที่พักอาศัย แต่ไม่ว่าจะเลือกเปลี่ยนเป็นโถทรงรีหรือทรงเหลี่ยมก็ต้องคำนึงถึงการติดตั้งบริเวณพื้นห้องน้ำ เช่น การทำยาแนว การตัดกระเบื้อง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของขนาด ทั้งความกว้าง-แคบของฐานรองนั่ง รวมถึงความสูงที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ใช้งาน เช่น หากมีเด็กหรือผู้สูงอายุอาจเลือกชักโครกที่มีความสูงไม่มาก
อีกอย่างหนึ่งก็คือ ชักโครกตัวใหม่ของคุณจะเป็นแบบตั้งพื้นหรือลอยตัว หากเลือกแบบตั้งพื้นก็จะติดตั้งและดูแลได้ง่าย แต่บางคนชอบดีไซน์ลอยตัวแขวนผนังซึ่งสวยงามและทำความสะอาดพื้นใต้โถส้วมได้ ทั้งยังประหยัดเนื้อที่ด้านหลังโถส้วมด้วย แต่ก็อาจแลกมาด้วยราคาที่แพงขึ้นและการติดตั้งที่ยากขึ้น
Comments