ซีบัคธอร์นเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ พบได้มากในเขตที่ราบสูงและหนาวจัดอย่างประเทศทิเบต ซึ่งชาวเอเชียตะวันออกนิยมใช้เป็นยาอายุวัฒนะตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งซีบัคธอร์นยังถูกบันถึงลงในตับรับยาจีนโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง จนถูกยกให้เป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินจีน จนได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งเบอร์รี่” เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระมากกว่าการทานส้ม 15 เท่าซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพตั้งแต่เส้นผมไปจนถึงผิวพรรณ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคหัวใจอีกด้วย
1.อุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลาย
ซีบัคธอร์นอุดมไปด้วยวิตามิน A, C, K และ E และแร่ธาตุอย่างธาตุเหล็ก, แคลเซียม, แมกนีเซีย, โพแทสเซียม, ทองแดงและสังกะสี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติซึ่งช่วยชะลอความแก่และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็งและโคหัวใจเป็นต้น นอกเหนือจากนี้เมล็ดและใบของซีบัคธอร์นยังอุดมไปด้วยสารไฟโตสเตอรอล (phytosterols) ที่จะพบในเพืชเท่านั้นซึ่งจะช่วยบล็อกโคเรสเตอรอลไม่ให้ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้อีกด้วย ซีบัคธอร์นยังมีสัดส่วนของกรดปาลมิติก (palmitoleic acid) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าโอเมก้า 7 ซึ่งช่วยเสริมภูมิต้านทานของผิว ลดการอักเสบ ฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรง และที่น่าสนใจคือซีบัคธอร์นยังเป็นพืชชนิดเดียวที่มีโอเมก้าทั้ง 4 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นโอเมก้า 3, 6, 9 และ 7 อีกด้วย Centella
2.ปกป้องผิว
ซีบัคธอร์นถูกนำมาใช้เพื่อรักษาผิวมานานหลายศตวรรษ เนื่องจากอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว, สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant), ไฟโตสเตอรอล (phytosterols), แคโรทีนอยด์ (carotenoid), วิตามินอีและวิตามินเค ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ช่วยให้ผิวแน่นอิ่มฟูและช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้ผิวสว่างกระจ่างใส ซีบัคธอร์นเป็นแหล่งของกรดลิโนเลอิก (linoleic acid) หรือโอเมก้า 6 ซึ่งมีผลวิจัยว่าช่วยลดการเกิดสิวและปกป้องผิวไม่ให้แห้งกร้านและช่วยต่อสู้กับมลภาวะและรังสี UV ที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย ซีบัคธอร์นจึงมักถูกเติมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อชะลอวัยและลดเลือนริ้วรอย นอกจากนี้ยังมักถูกเติมในผลิตภัณฑ์เพื่อผู้ที่ผิวแห้งและระคายเคืองเช่นเดียวกัน
3.สร้างเสริมสุขภาพหัวใจ
อย่างที่ทราบกันว่าซีบัคธอร์นอุดมไปด้วยสารไฟโตสเตอรอล ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ช่วยปกป้องร่างกายของคุณจากความเสียหายและโรคต่างๆ รวมถึงโรคหัวใจ สารประกอบเหล่านี้ยังช่วยป้องกันการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากอาหาร ซึ่งสามารถช่วยป้องกันคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) จากการอุดตันในหลอดเลือดและหลอดเลือดแดง นอกจากนี้ นี้ซีบัคธอร์นยังเป็นแหล่งของเควอซิทิน (quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เชื่อมโยงโดยตรงกับการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ จากผลการศึกษาพบว่าการบริโภคน้ำมันสกัดจากผลซีบัคธอร์นทุกวันช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและความดันโลหิตได้
4.ลดระดับน้ำตาลในเลือด
น้ำมันซีบัคธอร์นช่วยป้องกันโรคเบาหวานและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด กรณีศึกษาจากผู้ที่บริโภคน้ำมันสกัดซีบัคธอร์นเป็นประจำปรากฎว่าน้ำมันซีบัคธอร์นช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยการเพิ่มปริมาณการหลั่งอินซูลินได้
5.เสริมระบบภูมิคุ้มกัน
น้ำมันซีบัคธอร์นช่วยปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อได้ เนื่องจากมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) นั่นก็คือสารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย หัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
6.บำรุงตับ
น้ำมันซีบัคธอร์นช่วยการทำงานตับเพราะว่าประกอบไขมันที่มีประโยชน์, วิตามินอี, แคโรทีนอยด์ (carotenoid) ซึ่งสารเหล่านี้มีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ตับไม่ให้ถูกทำลาย
7.ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
สารประกอบหลักอย่างสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ในสารสกัดซีบัคธอร์นมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้
8.ช่วยระบบย่อยอาหาร
ซีบัคธอร์นมีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติและมีสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารให้ดีขึ้นได้
9.บรรเทาอาการวัยทอง
ซีบัคธอร์นช่วยปรับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ให้สมดุล เพราะถ้าระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำก็จะส่งผลให้มีอาการเหนื่อยง่ายอารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ ขี้หลงขี้ลืม ผมร่วง น้ำหนักขึ้น ประจำเดือนมาไม่ปกติ และมีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนตามมาได้
10.ลดการระคายเคืองของดวงตา
จากผลการศึกษาหนึ่งพบว่าการบริโภคซีบัคธอร์นทุกวันช่วยลดอาการตาแดง แสบคันจากมลภาวะได้
11.บำรุงเส้นผม
ซีบัคธอร์นมีส่วนผสมของสารเลซิติน (lecithin) ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินออกจากเส้นผม นอกจากนี้ยังอาจช่วยซ่อมแซมผมเสียและคืนความนุ่มลื่นให้กับเส้นผมให้เส้นผมสุขภาพดี เงางามอยู่เสมอ
Comments